รอยตีนกาเกิดจากอะไร มีวิธีดูแลผิวรอบดวงตาอย่าวไรให้ดูอ่อนเยาว์
icon  icon
วิธีฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้กลับมาอ่อนเยาว์

รอยตีนกาแก้ได้! รวมวิธีฟื้นฟูผิวรอบดวงตา ให้กลับมาอ่อนเยาว์

ริ้วรอยรอบดวงตาหรือที่เรียกว่ารอยตีนกาเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับหลายคน เพราะเป็นจุดแรกที่บ่งบอกถึงความเสื่อมของผิว ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย แม้จะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยตามวัยที่เพิ่มขึ้น แต่ก็มีวิธีการดูแลและแก้ไขที่ได้ผล ทั้งการป้องกันและการรักษา เพื่อให้ผิวรอบดวงตากลับมากระจ่างใสอีกครั้ง


รอยตีนกาคืออะไร

รอยตีนกาเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณหางตา มีลักษณะคล้ายรอยเท้านก โดยจะปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อมีการยิ้มหรือหัวเราะ ริ้วรอยเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามความลึกของรอย ซึ่งแต่ละประเภทต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน


รอยตีนกาชนิดตื้น

เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นในระยะแรก พบได้ตั้งแต่อายุ 25-30 ปี ลักษณะเป็นรอยบาง ๆ ที่ผิวชั้นบน มองเห็นชัดเจนเมื่อยิ้มหรือหัวเราะ แต่จะจางลงเมื่อผิวได้รับความชุ่มชื้น เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังตื้น ๆ ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เมื่อมีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าบ่อย ๆ จึงเกิดเป็นรอยย่นเล็ก ๆ ขึ้น อย่างไรก็ตาม รอยตีนกาประเภทนี้สามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าชนิดลึก ด้วยการบำรุงอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ


รอยตีนกาชนิดลึก

เป็นรอยลึกมักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยเป็นเวลานาน ลักษณะเป็นร่องลึกที่มองเห็นได้ชัดแม้ในยามพักใบหน้า เกิดจากการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึก ทั้งกล้ามเนื้อ ไขมัน และเส้นใยคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังเกิดการหย่อนคล้อยและเกิดเป็นร่องลึก บางรายอาจพบว่ามีการสูญเสียปริมาณไขมันใต้ผิวหนังร่วมด้วย ส่งผลให้ผิวยุบตัวและเกิดเป็นร่องที่ชัดเจนมากขึ้น การแก้ไขรอยตีนกาประเภทนี้จำเป็นต้องใช้วิธีการรักษาที่เข้าถึงชั้นผิวระดับลึก


ริ้วรอยตีนกาเกิดจากอะไร

ริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาเป็นปัญหาที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอก การทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิดรอยตีนกาจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น โดยแต่ละสาเหตุมีกลไกการเกิดที่แตกต่างกัน


อายุที่เพิ่มขึ้น

เมื่อเราอายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป การผลิตคอลลาเจนจะลดลงประมาณ 1-1.5% ต่อปี ส่งผลให้ผิวบริเวณรอบดวงตาซึ่งบางและบอบบางอยู่แล้ว ยิ่งสูญเสียความยืดหยุ่นได้ง่าย นอกจากนี้ เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันใต้ผิวหนังจะลดลง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดเป็นริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้น ร่วมกับการเสื่อมของเซลล์ผิวที่ช้าลง ทำให้การซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองของผิวไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม


แสงแดดและมลภาวะ

โดยรังสี UV จากแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนังได้โดยตรง และยังกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระ ซึ่งทำลายเซลล์ผิวและโครงสร้างที่สำคัญของผิว โดยเฉพาะผิวบริเวณรอบดวงตาที่บางและไวต่อแสงแดด นอกจากนี้ มลภาวะในอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 โลหะหนัก และสารพิษต่าง ๆ ยังสามารถเร่งกระบวนการเสื่อมของผิว ทำให้เกิดการอักเสบ และลดการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นและเกิดริ้วรอยก่อนวัย


การแสดงอารมณ์ทางใบหน้า

การยิ้ม หัวเราะ หรือหรี่ตา ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตามีการหดตัวซ้ำ ๆ เมื่อเวลาผ่านไป จะทำให้เกิดรอยย่นถาวรบริเวณหางตา โดยเฉพาะในคนที่ชอบยิ้มกว้างหรือหัวเราะเสียงดัง จะทำให้กล้ามเนื้อมีการหดตัวมากกว่าปกติ นอกจากนี้ การเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานทำให้ต้องหรี่ตาบ่อย ๆ  ยิ่งถ้าผิวขาดความชุ่มชื้นหรือความยืดหยุ่น ก็จะยิ่งเห็นรอยชัดเจนมากขึ้น


การขาดความชุ่มชื้น

ผิวรอบดวงตามีต่อมไขมันน้อยกว่าบริเวณอื่นของใบหน้า ทำให้สูญเสียน้ำได้ง่าย โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่แห้ง หรือในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน เมื่อผิวขาดน้ำ จะทำให้เซลล์ผิวหนังเหี่ยวและไม่ยืดหยุ่น ส่งผลให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ การดื่มน้ำไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด ก็ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและส่งผลต่อความชุ่มชื้นของผิวได้เช่นกัน


การขยี้ตา

การขยี้ตา

ผิวรอบดวงตาบอบบางและยืดหยุ่นน้อย การขยี้ตาแรง ๆ จะทำให้เกิดการดึงรั้งของผิวหนังและเส้นใยคอลลาเจน เมื่อทำซ้ำ ๆ จะทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่เคืองตา มีอาการแพ้ หรือเมื่อรู้สึกง่วงนอน นอกจากนี้ การเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาแรง ๆ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถทำให้ผิวบอบช้ำและเกิดริ้วรอยได้เช่นกัน


การพักผ่อน

ในช่วงที่เรานอนหลับร่างกายจะทำการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง รวมถึงสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ การนอนดึกหรือนอนไม่เพียงพอจะทำให้กระบวนการเหล่านี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ การอดนอนยังทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนความเครียด ซึ่งเร่งการเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การพักผ่อนไม่เพียงพอยังทำให้เกิดอาการบวมใต้ตา ซึ่งหากทำเป็นประจำจะส่งผลให้ผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยได้เร็วขึ้น


วิธีลดริ้วรอยตีนกา

การป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยเพิ่มและการฟื้นฟูริ้วรอยที่มีอยู่มีหลากหลายวิธีให้เลือกตามความเหมาะสม ตั้งแต่การดูแลด้วยตัวเองที่บ้าน ไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์ที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็วขึ้น โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรระวังที่แตกต่างกัน


ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาเป็นประจำ

ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น เปปไทด์ วิตามินซี และเรตินอล ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวและทำให้ร่องใต้ตาลึกตื้นขึ้น นอกจากนี้ ควรมีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูรอนิก และวิตามินอี ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและต้านอนุมูลอิสระ วิธีการทาที่ถูกต้องคือ ใช้นิ้วนางแตะเบา ๆ รอบดวงตา โดยเริ่มจากหัวตาไปหางตา ทาเช้า-เย็น เป็นประจำ จะช่วยให้ผิวรอบดวงตาแข็งแรงและลดการเกิดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ 


ทาครีมกันแดด

ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ออกแบบมาสำหรับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และมีค่า PA+++ ขึ้นไป เพื่อป้องกันทั้งรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของริ้วรอยก่อนวัย นอกจากการทาครีมกันแดดแล้ว ควรสวมแว่นกันแดดเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง เพื่อลดการหรี่ตาและป้องกันรังสี UV โดยตรง ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หรือหลังเช็ดหน้าหรือเหงื่อออก เพื่อการปกป้องที่มีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน


ทำทรีตเมนต์รอบดวงตา

มีหลากหลายทรีตเมนต์ให้เลือกตามความเหมาะสม เช่น การนวดกดจุดรอบดวงตาเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด การพอกมาสก์ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน และสารสกัดจากธรรมชาติ หรือการใช้เครื่องนวดไฟฟ้าขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ควรทำทรีตเมนต์อย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองจากแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย


เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

เริ่มจากการดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ร่างกายและผิวได้รับความชุ่มชื้นจากภายใน ควบคู่กับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูรอนิก เซราไมด์ และกลีเซอรีน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งเกินไป โดยอาจใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ หรือวางถ้วยน้ำไว้ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นในอากาศให้เหมาะสม


หลีกเลี่ยงการขยี้ตา

เมื่อรู้สึกคันหรือระคายเคืองตา ให้ใช้น้ำเกลือล้างตาหรือน้ำตาเทียมหยอดแทนการขยี้ตา ในการเช็ดเครื่องสำอาง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเช็ดเบา ๆ ไม่ดึงรั้งผิว หากสวมคอนแทคเลนส์ ควรล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสบริเวณดวงตาทุกครั้ง และหากมีอาการแพ้หรือระคายเคือง ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม แทนการขยี้ตาเพื่อบรรเทาอาการ


กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

โดยควรเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี พริกหวาน และบรอกโคลี อาหารที่มีวิตามินอีสูง เช่น อัลมอนด์ เมล็ดทานตะวัน และน้ำมันมะกอก รวมถึงอาหารที่มีโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และเมล็ดเจีย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด อาหารแปรรูป และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเร่งการเกิดริ้วรอย


ใช้เครื่องยกกระชับ

เทคโนโลยียกกระชับจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวรอบดวงตากระชับและเบ้าตาลึกตึงขึ้นมา การใช้เครื่องยกกระชับควรเริ่มจากระดับต่ำและค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นตามความเหมาะสม ใช้ครั้งละ 5-10 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย โดยควรเลือกเครื่องที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ


เลเซอร์ตีนกา

การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นการใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น เลเซอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เช่น เลเซอร์ Fractional CO2 ที่ช่วยลดริ้วรอยลึก เลเซอร์ Nd:YAG ที่ช่วยกระชับผิว หรือเลเซอร์ Picosecond ที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ การรักษาอาจต้องทำหลายครั้งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยตีนกา โดยแต่ละครั้งควรห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์


ผ่าตัดรอยตีนกา

การผ่าตัดเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยลึกหรือผิวหย่อนคล้อยมาก โดยแพทย์จะทำการตัดผิวส่วนเกินออก ปรับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังให้กระชับขึ้น บางกรณีอาจมีการเสริมไขมันหรือฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มปริมาตรให้กับบริเวณที่ยุบตัว การผ่าตัดให้ผลลัพธ์ที่ถาวรและเห็นผลชัดเจน แต่ต้องพักฟื้นประมาณ 1-2 สัปดาห์ และควรดูแลแผลตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้แผลหายสวยและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน


สรุปบทความ

การรักษารอยตีนกาสามารถใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีทันสมัย

รอยตีนกาเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันและแก้ไขได้ด้วยการดูแลที่ถูกวิธี ตั้งแต่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะสม การปกป้องผิวจากแสงแดด ไปจนถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีทันสมัย การเลือกวิธีรักษาควรพิจารณาตามความรุนแรงของปัญหาและความพร้อมของแต่ละบุคคล  แต่สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับตาอื่น ๆ สามารถปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซ่อนแผลใต้คิ้ว และกำจัดถุงไขมันใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ

ที่มา : -