ตาขาวเป็นสีเหลืองเกิดจากอะไร เช็กอาการพร้อมดูแลตัวเอง
icon  icon
ตาขาวเป็นสีเหลืองส่งผลอย่างไรกัยชีวิตบ้าง

ตาขาวเป็นสีเหลืองสัญญาณเตือนสุขภาพที่ควรระวังและดูแลตัวเอง

การสังเกตเห็นว่าตาขาวเป็นสีเหลืองอาจทำให้เรารู้สึกกังวลและสงสัยว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความสวยงามแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่แอบแฝงอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งอาการนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งจะมีอะไรกันบ้างและรักษาได้อย่างไรไปดูกัน


ตาขาวเป็นสีเหลืองมีอาการอย่างไร

เมื่อเกิดอาการตาขาวเป็นสีเหลืองเราจะสังเกตเห็นได้ว่าส่วนที่เป็นสีขาวของลูกตาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนหรือเหลืองเข้ม ซึ่งอาจเกิดขึ้นทั้งสองข้างหรือข้างใดข้างหนึ่ง โดยอาการนี้อาจเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ หรือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ บางครั้งอาจพบร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ตาแห้ง ตาแดง ระคายเคืองตา มองเห็นไม่ชัด ปวดตา หรือความรู้สึกไม่สบายตา นอกจากนี้ อาจมีอาการทางร่างกายอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คันตามผิวหนัง ปัสสาวะสีเข้ม หรืออุจจาระสีซีด ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม


สาเหตุของอาการตาขาวเป็นสีเหลือง

อาการตาขาวเป็นสีเหลืองสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรง ไปจนถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม การทำความเข้าใจถึงสาเหตุต่าง ๆ จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพและป้องกันการเกิดปัญหาได้อย่างถูกต้อง รวมถึงรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษา


โรคเกี่ยวกับตับ

เนื่องจากตับมีหน้าที่กำจัดสารบิลิรูบิน (Bilirubin) สีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดง เมื่อตับทำงานผิดปกติจะไม่สามารถกำจัดสารนี้ได้ ทำให้มีการสะสมในร่างกายและแสดงออกมาทางตาขาว โรคตับที่พบบ่อย ได้แก่ ตับอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง ตับแข็ง มะเร็งตับ หรือท่อน้ำดีอุดตัน ซึ่งนอกจากอาการตาเหลืองแล้ว มักพบอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องอืด ปวดท้อง คลื่นไส้ และผิวหนังมีสีเหลือง


ภาวะดีซ่าน

ภาวะดีซ่านเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับบิลิรูบิน  (Bilirubin) สูงกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการตาขาวเป็นสีเหลืองและผิวหนังมีสีเหลือง สาเหตุหลักมาจากความผิดปกติในกระบวนการเมแทบอลิซึมของบิลิรูบิน ซึ่งอาจเกิดจากการสร้างบิลิรูบินมากเกินไป การขนส่งบิลิรูบินผิดปกติ หรือการขับบิลิรูบินออกจากร่างกายบกพร่อง ภาวะนี้พบได้ทั้งในเด็กแรกเกิดและผู้ใหญ่ โดยในผู้ใหญ่มักเกิดร่วมกับโรคตับ ท่อน้ำดีอุดตัน หรือภาวะเม็ดเลือดแดงแตกมากผิดปกติ การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะดีซ่าน


โรคเกี่ยวกับเม็ดเลือด

โรคเกี่ยวกับเม็ดเลือด

การแตกตัวของเม็ดเลือดแดงที่มากผิดปกติ เมื่อเม็ดเลือดแดงแตกตัว จะปล่อยสารบิลิรูบินออกมาในกระแสเลือดมากเกินกว่าที่ตับจะสามารถกำจัดได้ทัน ส่งผลให้เกิดการสะสมในเนื้อเยื่อต่าง ๆ รวมถึงตาขาว โรคในกลุ่มนี้ได้แก่ ธาลัสซีเมีย โรคเม็ดเลือดแดงแตกจากภูมิคุ้มกัน หรือการติดเชื้อบางชนิดที่ทำลายเม็ดเลือดแดง นอกจากตาเหลืองแล้ว มักพบอาการซีด อ่อนเพลีย หายใจเหนื่อยง่าย และหัวใจเต้นเร็วร่วมด้วย


ปัญหาสุขภาพดวงตา

โดยเฉพาะการอักเสบของเยื่อบุตาหรือกระจกตา ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อ การแพ้ หรือการระคายเคือง ในบางกรณี การสะสมของไขมันในเยื่อบุตาก็สามารถทำให้ตาขาวมีสีเหลืองได้ นอกจากนี้ การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานานหรือการใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันเป็นเวลานานก็อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีตาขาวได้ โดยมักพบอาการตาแดง ระคายเคือง น้ำตาไหล หรือตามัวร่วมด้วย


พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน

การนอนดึก การพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้สายตาหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน การดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือการดื่มน้ำไม่เพียงพอ พฤติกรรมเหล่านี้สามารถทำให้เกิดความเครียดต่อดวงตาและระบบการทำงานของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีตาขาวและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา


อาการตาเหลืองแบบไหนที่ควรพบแพทย์

อาการตาขาวเป็นสีเหลืองบางครั้งอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเมื่อมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง ปวดท้องรุนแรง อ่อนเพลียมาก น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีอาการบวมตามร่างกาย นอกจากนี้ หากสังเกตพบว่าตาเหลืองเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือมีสีเหลืองเข้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายได้


วิธีการดูแลตาให้กลับมาสดใส

การดูแลตาต้องเริ่มจากการหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาที่ต้นเหตุ พร้อมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้นและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งมีวิธีการดูแลตนเองที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน


ปรับพฤติกรรมการกิน

ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งช่วยบำรุงสายตาและระบบการทำงานของร่างกาย เช่น ผักใบเขียว แครอท ส้ม กีวี ถั่ว และปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด และอาหารแปรรูป ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกาย


พักผ่อนให้เพียงพอ

ควรนอนหลับให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเอง การนอนหลับที่เพียงพอยังช่วยลดความเครียด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นปกติ นอกจากนี้ ควรจัดตารางการนอนให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการนอนดึก และพยายามนอนในห้องที่มืดสนิทเพื่อให้ได้คุณภาพการนอนที่ดี


หยอดน้ำตาเทียม

การใช้น้ำตาเทียมเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการตาแห้งและระคายเคืองที่อาจส่งผลให้ตาขาวมีสีเหลือง น้ำตาเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ลดการระคายเคือง และช่วยชะล้างสิ่งสกปรกหรือสารระคายเคืองออกจากดวงตา ควรเลือกใช้น้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันบูด และหยอดตามคำแนะนำบนฉลาก อย่างไรก็ตาม หากมีอาการระคายเคืองหลังการใช้ ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์


หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์นาน ๆ

การใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและส่งผลต่อสีของตาขาว ควรใส่คอนแทคเลนส์ไม่เกิน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน และพักสายตาทุก 2-3 ชั่วโมง ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์และกล่องใส่อย่างสม่ำเสมอ เปลี่ยนน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ทุกครั้งที่เก็บ และเปลี่ยนคอนแทคเลนส์ตามกำหนดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ขณะว่ายน้ำหรือนอนหลับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการระคายเคือง


ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์

การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายโดยรวม รวมถึงสุขภาพตาด้วย สารพิษในบุหรี่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา ลดการไหลเวียนเลือด และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ส่วนแอลกอฮอล์สามารถทำลายตับซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการกำจัดสารบิลิรูบิน เมื่อตับทำงานผิดปกติจึงส่งผลให้เกิดอาการตาขาวเป็นสีเหลืองได้ 


หลีกเลี่ยงการใช้สายตานานเกินไป

การใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน ทำให้ดวงตาเกิดความเครียดและอ่อนล้า ส่งผลให้เกิดอาการตาแห้ง ระคายเคือง และอาจทำให้ตาขาวมีสีเหลืองได้ ควรพักสายตาทุก 20 นาที โดยมองวัตถุที่อยู่ไกลออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที ปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม จัดระยะห่างระหว่างตากับหน้าจอประมาณ 50-70 เซนติเมตร และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในที่มืด


สรุปบทความ

 อาการตาขาวเป็นสีเหลืองเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

อาการตาขาวเป็นสีเหลืองสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่โรคร้ายแรงไปจนถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม การสังเกตอาการและเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้เราดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการพักผ่อนให้เพียงพอ แต่หากมีอาการรุนแรงหรือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม แต่สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับตาอื่น ๆ สามารถปรึกษาจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการของ Sky Clinic ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซ่อนแผลใต้คิ้ว และกำจัดถุงไขมันใต้ตา เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณ

ที่มา : -